PMA คืออะไร ทำอย่างไรเราจึงมีอุปนิสัยแบบ PMA
PMA (Positive Mental Attitude ) คือกระบวนการคิดในแง่บวก
การสร้างอุปนิสัยในระยะยาว เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วข้อดีของมันก็คือ เมื่ออุปนิสัยเด่นติดตัวไปมันแก้ได้ยาก
เจมส์ (William James) มีความเห็นว่า สภาวะจิตใจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ แต่
ฟรอยด์ (Sigmund Freud) คิดต่างออกไป เขาบอกว่า สภาวะจิตใจเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้
นักจิตวิทยา เวนเบิร์ก (George Weinberg) กล่าวว่า เขาเสนอพลังขับเคลื่อนและ แรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดการกระทำตามหลักการของเจมส์ เพราะทุกครั้งหากเราทำอะไรตามแรงกระตุ้น เราจะไม่รู้สึกว่าเราถูกแรงกระตุ้นอยู่และเราก็จะทำไปเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัยนั้นเอง
ถ้าเราตำหนิภาพวาดหรือเพลงของใครสักคนพอทำไปเรื่อยๆ ยิ่งมากเท่าไร สุดท้ายเราก็จะไม่ชอบหรือเกลียดเพลงนั้นไปเลย
หากนำหลักการของ เจมส์และเวนเบิร์นมารวมกัน อาจกล่าวว่า ถ้าเราทำสิ่งใดโดยมีแรงกระตุ้นจากพลังขับเคลื่อนของเราและหากว่าเรายิ่งกระทำซ้ำๆต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นนิสัยได้
เราทุกคนมีศักย์ภาพมากพอที่จะประสบความสำเร็จ เช่นนั้นแล้วจงมีความมั่นใจว่า ฉันเองก็ทำได้ไม่ต่างจากคนอื่น
การจะมีทัศนคติแบบ PMA ก็ต้องเสริมพลังขับเคลื่อนแบบ PMA การสร้างอุปนิสัย มี 5 ข้อใหญ่ๆ
- ประการที่ 1 : จงกำหนด PMA เป็นคติประจำบ้าน
- ประการที่ 2 : ต้องทิ้งความรู้สึกแง่ลบออกไปจากใจให้หมดไป เช่น ความคิดว่าที่ ฉันทำไม่ได้หรอก เราจบการมหาลัยไม่ดี เราหัวไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง
99% ของคนที่ชอบหาข้อแก้ตัวนั้น ล้มเหลว
คาร์เวอร์ นักจิตวิทยา นักประดิษฐ์ นักชีววิทยา
- ประการที่ 3 : ในชีวิตประจำวันจงเขียนคำว่า PMA แปะไว้ที่โต๊ะหนังสือ อ่านออกเสียงบ่อยๆทำให้เรามองเห็นและพูดในสิ่งที่เป็นความคิดเชิงบวกอย่างเป็นนิสัย เช่น ในตอนเช้าตื่นขึ้นมา แล้วพูดว่า วันนี้เราจะใช้ชีวิตให้สนุก
- ประการที่ 4 : การหัวเราะบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันก็มีประโยชน์ต่อ PMA ด้วยเช่นกัน
- ประการที่ 5 : อย่ายึดติดกับอดีตที่มืดมน จงวาดภาพอนาคตที่สดใสและเชื่อมั่นว่ามันเป็นไปได้ดีอย่างแน่นอน
- ประการที่ 6 : จงเขียน ไดอารี่ จินตนาการถึงภาพที่ดีที่สุดของตัวเอง เขียนลงไปในไดอารี่แล้วจงมีความคิดในแง่บวกเหล่านั้นอยู่ในใจเสมอเพื่อให้เป้าหมายบรรลุความสำเร็จ จากนั้น ลงมือทำ !